วันที่: 22 กรกฎาคม 2025
ในการเคลื่อนไหวครั้งประวัติศาสตร์ที่สัญญาว่าจะปรับเปลี่ยนพลวัตทางการค้าโลก สหรัฐอเมริกาและจีนได้ยกเลิกภาษีและข้อจำกัดทางการค้าเหล็กอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นบทใหม่ในความสัมพันธ์ทางการค้าที่ซับซ้อนของพวกเขา การตัดสินใจครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่ออุตสาหกรรมเหล็ก ฟื้นฟูห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ผลิตและผู้บริโภค
การเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ทางการค้า
การยกเลิกอุปสรรคทางการค้า ซึ่งมีมาหลายปีแล้ว เป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาในวงกว้างที่มีเป้าหมายเพื่อลดความตึงเครียดทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ สงครามการค้าที่เริ่มต้นในปี 2018 ส่งผลให้มีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กจากจีนอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาทั่วโลกและสร้างความท้าทายให้กับผู้ผลิตที่ต้องพึ่งพาวัสดุ
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะไม่เพียงแต่บรรเทาปัญหาการขาดแคลนเหล็กเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่การลดลงของราคาเหล็กโดยรวมอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคส่วนเหล็กของสหรัฐฯ คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงวัตถุดิบราคาถูกและกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ประโยชน์ของอุตสาหกรรมเหล็ก: ภาพรวมทั่วโลก
จีน ในฐานะผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของโลก จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากการพัฒนาครั้งนี้ การส่งออกเหล็กของประเทศไปยังสหรัฐฯ คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างสถานะทางการเงินของผู้ผลิตเหล็กของจีนที่เผชิญกับอุปสงค์ที่ผันผวนในตลาดต่างประเทศ ด้วยการยกเลิกภาษี ผู้ผลิตชาวจีนมีแนวโน้มที่จะได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นและมีความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งขึ้นในเวทีโลก
ในทางกลับกัน ผู้ผลิตเหล็กของสหรัฐฯ ซึ่งดำเนินงานด้วยต้นทุนที่สูงขึ้นเนื่องจากภาษี อาจเห็นอัตรากำไรที่ดีขึ้น การผ่อนคลายข้อจำกัดยังเปิดโอกาสทางการค้าเพิ่มเติมในภาคส่วนอื่นๆ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานและยานยนต์ ซึ่งเหล็กมีบทบาทสำคัญ